นายชาญวิทย์ กิจลิศสิริวัฒนา อายุ 70 ปี เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้านโรงแรมใน จ.เชียงใหม่ และ จ.ภูเก็ต ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเรื่องการจัดสร้างรูปปูนปั้นพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมด็จพระบรมชนกาธิบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9) บนฝาผนังพระอุโบสถวัดไชยสถาน อ.หางคง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากมีความปารถนาอยากสื่อสารให้ประชาชนไทยรับทราบเกี่ยวกับ 3 ภาพ ที่พระองค์ทรงแสดงออกมาก่อนที่เสด็จสวรรคต
นายชาญวิทย์ กิจลิศสิริวัฒนา ได้กล่าวและเล่าความเป็นมาภาพที่พระราชทานพระบรมราโชวาทในช่วงที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายทางการเมือง เมื่อหลายปีที่ผ่านมาได้มีม็อบกลุ่มหนึ่งพยายามไปเข้าเฝ้าพระองค์ เพื่อจะกราบบังคมทูลขอให้พระองค์สนับสนุนช่วยเหลือบ้านเมือง ในขณะนั้นพระองค์ได้ทรงตรัสต่อกลุ่มม็อบว่า บ้านเมืองปกติเรียบร้อยดีให้ทุกท่านกลับบ้านไป ตรงนี้กระผมอยากจะบอกพี่น้องคนไทยทุกท่านว่าภาพที่ 1 พระองค์ท่านทรงแสดงออกเป็นประจักษ์พระราชประสงค์ให้ทราบว่า บ้านเมืองปกติเรียบร้อยดี
นอกจากนี้ เรื่องความยุดิธรรม การใช้กฎหมาย กระผมคิดว่าพี่น้องคนไทยคงได้เห็นภาพที่ 2 คณะผู้พิพากษาศาลเข้าเฝ้าฯรับพระราชทานพระบรมราโชวาท ขณะที่บ้านเมืองยังวุ่นวายอยู่ พระองค์ทรงตรัสกับคณะผู้พิพากษาว่า ต้องทำหน้าที่ใช้กฎหมายให้ด็ดขาด ถ้าไม่รักษาความยุติธรรมประชาชนประเทศชาติจะแย่และล่มจม ตรงนี้ตนเองคิดว่าการที่พระองค์ท่านตรัสเช่นนี้ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล เมื่อมีความยุติธรรมประเทศชาติก็สงบสุข
สำหรับภาพที่ 3 ก่อนที่พระองค์ท่านจะสวรรคต ขณะที่ทรงประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราชมีข่าวออกมาว่า พระองค์ทรงปวยไม่สามารถทำอะไรได้ในเวลานั้น แต่พระองค์ท่านได้ทรงแสดงถึงพระวรกายสมบูรณ์เดินออกมาบริเวณท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช ระหว่างทรงเดินอยู่พระองค์ทรงเดินเซได้มีองครักษ์รีบไปประคอง แต่พระองค์ท่านรีบผลักองครักษ์ออกไปแล้วพระองค์ทรงยืนอย่างสง่าซึ่งกระผมเห็นว่าเป็นการแสดงออกให้คนไทยได้รับรู้ว่าพระองค์ท่านยังมี สติสัมปชัญญะดี นี่เป็นการแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ที่พระองค์ทรงห่วงประเทศชาติ แต่ไม่มีใครนำความต้องการของพระองค์ มาแก้ปัญหาของประเทศชาติได้เลยพวกกระผมจะแสดงออกและเป็นสื่อกลางแทนคนไทยทั้งประเทศ ให้ได้รับรู้ว่าความต้องการของ พระองค์ท่านเป็นอย่างไร
ในตอนท้าย นายชาญวิทย์ กิจลิศสิริวัฒนา ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า การดำเนินการจัดสร้างรูปปูนปั้นทั้งสามในแต่ละเหตุการณ์นี้ จะนำไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดไชยสถาน อ.เภอหางดง จ.เชียงใหม่ ให้ทัน วันที่ 5 ธันวาคม 2564 เพราะเป็นวันมหามงคลของชาวไทย อีกทั้งเป็นการสร้างถวายเป็นพระราชกุศล และให้คนไทยได้น้อมรำลึกถึงพระองค์ท่าน ตลอดไป.