นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SME อยู่ราว 3.15 ล้านราย หรือคิดเป็น 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการ SME ที่เป็นผู้ส่งออกประมาณ 3 หมื่นรายหรือคิดเป็น 1% ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด ดังนั้นการร่วมมือกับ EXIM BANK และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยในครั้งนี้ เพื่อต้องการสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการให้มีความรู้ในตลาดการค้าต่างประเทศ สามารถปรับตัวรับกับการแข่งขันใหม่ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และพร้อมเข้าสู่การแข่งขันในระดับสากลเมื่อสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย ความร่วมมือดังกล่าวจะก่อให้เกิดการบูรณาการในการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SME ให้สามารถดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงบริการทางการเงินและความรู้ด้านการส่งออก อาทิ บริการสินเชื่อ การประกันการส่งออก การบริหารความเสี่ยงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ SME ได้เป็นอย่างดี
นางวรรธนา มงคลศรี รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว และภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ส่งออก SME ต้องปรับตัวอย่างมากในโลกยุค New Normal รวมทั้งต้องบริหารจัดการต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งในกระบวนการผลิต การตลาด และการขนส่งสินค้าไปยังผู้ซื้อหรือผู้บริโภคในต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธุรกิจส่งออก EXIM BANK จึงออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าและผู้ประกอบการในรูปแบบการพักชำระหนี้ควบคู่กับการเติมทุน ซึ่งได้ดำเนินการเยียวยาให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 3,000 ราย วงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SME 85% ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับ สสว. และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของ SME ไทยในตลาดการค้าโลกยุคใหม่ โดย EXIM BANK มีบริการทั้งทางการเงินและคำปรึกษาแนะนำ ตลอดจนโครงการอบรมด้านการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการในระดับต่างๆ ตั้งแต่ผู้สนใจเริ่มต้นส่งออก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME สามารถพัฒนารูปแบบธุรกิจ บริหารจัดการสภาพคล่อง และมีความพร้อมที่จะเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศอย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จในระยะยาว
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SME นับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการประมาณ 3.15 ล้านราย มีการจ้างงานกว่า 11.83 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 23% หรือเกือบ 15 ล้านราย จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งกลไกหลักในการขับเคลื่อนประเทศประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชน การลงทุน การบริโภคภาครัฐ และภาคการส่งออก ซึ่งภาคการส่งออกสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นอย่างมาก โดยการส่งออก 87.5% เป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7 ล้านล้านบาทต่อปี ขณะที่การส่งออกของผู้ประกอบการ SME มีเพียง 12.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME ได้เสริมสร้างศักยภาพและเรียนรู้การดำเนินธุรกิจส่งออกอย่างเต็มรูปแบบซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นระบบและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการส่งออกผู้ประกอบการ SME ให้ได้เกิน 50% ของมูลค่าการส่งออกทั้งประเทศ
พร้อมกันนี้ สสว.ยังได้จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “Upskill SME Exporters พิชิตตลาดโลก กลเม็ดส่งออกเพื่อ SME” ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมด้านธุรกิจส่งออกให้ผู้ประกอบการ SME ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อาทิ จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลา โดยให้ความรู้เชิงลึกในการบริหารจัดการธุรกิจส่งออกในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการเงิน การบริหารความเสี่ยงการค้าระหว่างประเทศ กฎระเบียบทางการค้า พิธีการทางศุลกากร การทำเอกสารทางการค้า ระบบโลจิสติกส์ วิธีการชำระเงินระหว่างประเทศ การบัญชีและภาษี รวมถึงการตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีผู้ประกอบการ SME ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 300 ราย ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลหรือติดตามรายละเอียดได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 061 – 6954256 สมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://forms.gle/sm7ntRGS2MaR2spK7